Google ได้ประกาศค้นพบบั๊กใน Windows โดยกลุ่มนักวิเคราะห์ภัยคุกคามของ Google พบว่าบั๊กดังกล่าวถือเป็นข้อผิดพลาด ที่สามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากระบบความปลอดภัยได้ ซึ่งบั๊กตัวนี้นั้น สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของระบบความปลอดภัยจาก Windows ได้ ซึ่งแฮกเกอร์จะโจมตีคอมพิวเตอร์ ที่ยังไม่อัพเดตแพตช์ล่าสุดจาก Adobe โดยจะอาศัยประโยชน์จากช่องโหว่ที่เกิดขึ้นจาก Adobe Flash ที่ได้รับการอัพเดตไปก่อนหน้านี้ พร้อมสามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากระบบการรักษาความปลอดภัยผ่านไปทาง Win32k.sys อีกด้วยคะ
เป็นอีกครั้งที่ Google ได้สร้างบาดแผลให้แก่ Microsoft โดย Google ได้เปิดเผยข้อมูลสาธารณะ โดยประกาศค้นพบบั๊กใน Windows ซึ่งครั้งนี้เป็นประเด็นเกี่ยวกับการพบข้อผิดพลาดในระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ของไมโครซอฟท์ บั๊กดังกล่าวถูกพบโดยทีมนักวิจัยด้านซิเคียวริตีของกูเกิลภายใต้ชื่อ Project Zero ซึ่งทีมของ Project Zero นี้ จะทำหน้าที่ค้นหาจุดบกพร่องในซอฟต์แวร์ของบริษัทต่างๆ และยังมีนโยบายข้อหนึ่งก็คือ จะให้ผู้ผลิตดำเนินการแก้ไขภายใน 7 วันนับตั้งแต่แจ้งเตือน ไม่เช่นนั้นทางทีมงาน Project Zero จะเปิดเผยข้อบกพร่องนั้นต่อสาธารณชนค่ะ แต่หลังจาก 10 วันมาแล้ว ก็ยังไม่มีแพตช์หรือซอฟต์แวร์ใดๆ จาก Microsoft ออกมาอุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้น Google จึงได้ประกาศบั๊กดังกล่าวสู่สาธารณะนั่นเองค่ะ โดยหลังจากนั้นได้มีการอัพเดต Google Chrome ขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้งานประสิทธิภาพที่ดีสุดนั่นเองคะ
โดยทางไมโครซอฟท์ มีแผนจะส่งแพทช์เพื่อแก้บั๊กตามกำหนดการของบริษัท ซึ่งจะส่งเลยเส้นตายที่ทางกูเกิลกำหนดไว้ 2 วัน เหตุผลที่ไมโครซอฟท์ระบุก็คือ การออกแพทช์ตามวันเวลาที่กำหนดไว้จะเอื้อต่อการทำงานของภาคธุรกิจซึ่งเป็นลูกค้าของบริษัทมากกว่า ผลก็คือ ตามนโยบายของ Project Zero กูเกิล จึงได้เปิดเผยถึงข้อบกพร่องของซอฟต์แวร์จากไมโครซอฟท์ โดยที่ไมโครซอฟท์ยังไม่มีแพทช์ใดๆ ออกมารองรับนั่นเองคะ จากเหตุการณ์นี้ได้สร้างบาดแผลใหญ่ระหว่าง Google และ Microsoft โดยทาง Chris Betz ผู้อำนวยการฝ่าย Security research ของไมโครซอฟท์ ถึงกับออกมาโพสต์ในบล็อก ใจความว่า ทางไมโครซอฟท์ได้ขอร้องไม่ให้กูเกิลทำเช่นนั้น พร้อมกับได้ตั้งคำถามชวนคิดด้วยว่า สิ่งที่ถูกต้องสำหรับกูเกิล แท้จริงแล้วอาจไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าเสมอไป นอกจากนั้น การกระทำดังกล่าวยังมีความเสี่ยงบางประการที่ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อวงการซิเคียวริตี เพราะการที่กูเกิลได้เปิดเผยโค้ดที่มีปัญหาออกสู่สาธารณชนก่อนที่ไมโครซอฟท์จะออกแพทช์มาแก้นั้น อาจทำให้ผู้ใช้เองตกอยู่ในความเสี่ยงแทนก็เป็นได้ และไม่ใช่แค่ไมโครซอฟท์เท่านั้น แต่ทีม Project Zero ยังค้นพบบั๊กในซอฟต์แวร์ของบริษัทอื่นๆ ด้วยเช่นกัน (รวมถึงแอปเปิลด้วย) แต่กลับไม่พบว่ามีการเจอบั๊กในซอฟต์แวร์ของกูเกิลโดยทีม Project Zero แต่อย่างใดซึ่งทำให้เกิดข้อท้วงติงว่า กูเกิลใช้ระบบ 2 มาตรฐาน
จากการที่ Google ประกาศค้นพบบั๊กใน Windows จากช่องโหว่ Adobe Flash นั้นอย่างไรก็ตามโฆษกของ Microsoft ได้ออกมาชี้แจงเบื้องต้น แนะนำให้ลูกค้าเลือกใช้ Windows 10 และเลือกเปิดเบราว์เซอร์ Microsoft Edge ที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดคะ
โดย..เจ้าน้อย..