ฟร้อนท์ยอดนิยม ที่ใช้ในการออกแบบมีอะไรบ้าง ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของงานออกแบบ นอกจากการจัดวางองค์ประกอบ สีสัน เส้นสาย แสงเงา ต่าง ๆ แล้วนั้น สิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือการสื่อความหมายผ่านทางตัวอักษร การเลือกใช้ตัวอักษร หรือฟอนต์นั้น จะต้องทำอย่างไร ถึงเรียกได้ว่าสามารถเลือกใช้ได้ตรงใจผู้ที่ได้พบเห็นหรือผู้อ่านมากที่สุด เรามีวิธีดี ๆ มาฝากกันค่ะ
เริ่มต้นจากการหาฟอนต์ ในงานออกแบบโดยทั่วไปแล้ว ควรเลือกใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย ไม่มีความซับซ้อน เพื่อให้สามารถสื่อสารกับผู้อ่านได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงสถานการณ์ กลุ่มเป้าหมาย และกาลเทศะเป็นสำคัญ เราสามารถใช้ <spanhref=”http://www.graphicbuffet.net/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3-seo-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B9%84/”>search engine เช่น Google ในการค้นหาฟอนต์เพื่อดาวน์โหลดมาใช้งานกันได้ นอกจากฟอนต์หน้าตาแปลกใหม่ที่สามารถค้นหาได้จาก search engine แล้ว ยังมีฟอนต์ที่เรียกว่าคลาสสิค หรือฟอนต์ยอดนิยมตลอดกาล ยกตัวอย่างเช่น
Arial จัดได้ว่าเป็นฟอนต์ยอดนิยมกันเลยทีเดียวค่ะ ที่สำคัญคือเป็นฟอนต์ฟรีที่แถมมากับโปรแกรม windows ตัวอักษรอ่านง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน จึงไม่น่าแปลกใจเลยค่ะ ว่าฟอนต์ตัวนี้จะได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย
Garamond เป็นฟอนต์ที่แบรนด์ดังอย่าง Apple เคยนำมาใช้กับโลโก้และตัวอักษรหลักของบริษัท แต่นำมาปรับโดยบีบให้ผอมลง เละมีความสูงขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนชื่อฟอนต์เป็น Apple Garamond แต่ปัจจุบันนี้ ทาง Apple ได้เปลี่ยนมาใช้ฟอนต์ Myriad ที่มีลักษณะเรียบง่ายแทนแบบเดิม
Myriad แน่นอนว่าเป็นฟอนต์ที่บริษัท Apple ได้นำมาใช้ มีจุดเด่นที่ความเรียบง่ายสบายตา อ่านง่าย และใช้ได้ในทุกโอกาส
Times ฟอนต์ตัวนี้มากับโปรแกรม windows และ Mac นิยมนำมาใช้ในงานสิ่งพิมพ์และงานเขียนที่มีความเป็นทางการ
นอกจากฟอนต์ที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น ยังมีฟอนต์แบบที่เรียกว่า ฟร้อนต์มีขา กับ ไม่มีขา ลักษณะของฟอนต์ที่มีขา เราจะเรียกว่า Serif โดยจะมีขีดเล็ก ๆ อยู่ตรงปลายสุดของตัวอักษร หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ฟอนต์แบบโรมัน (Roman) ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอักษรที่จารึกเอาไว้ในหินของอาณาจักรโรมัน มีส่วนช่วยในการกวาดสายตาไล่ไปตามตัวอักษร เหมาะกับการพิมพ์รายงานหรือพิมพ์จดหมายแบบเป็นทางการ ฟอนต์กลุ่ม Serif นี้ จัดได้ว่าเป็นฟอนต์คลาสสิคยอดนิยม ยกตัวอย่างเช่น Bodoni, Baskerville, Palatino และอีกฟอนต์ที่กำลังมาแรง ได้แก่ Trajan ในส่วนของฟอนต์ไม่มีขา จะเรียกว่า San-serif เป็นฟอนต์ที่มีลักษณะตรงกันข้ามกับ Serif คือไม่มีขีดที่ปลายอักษร มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าตัวอักษรแบบกอทิก (Gothic) ทำให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกโมเดิร์น ทันสมัย เหมาะกับการพาดหัว หรือใช้เป็นหัวเรื่องที่ต้องการเรียกร้องความสนใจในครั้งแรกที่เห็น แต่ไม่เหมาะนำมาเขียนเนื้อความ ฟอนต์ในกลุ่มนี้ เช่น Avant Grade, Avenir, Futura, Optima และ Univers ซึ่งเป็นฟอนต์ในกลุ่ม San-serif ที่กำลังได้รับความนิยม
แน่นอนว่านอกจากการเลือกใช้ฟอนต์แบบต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น คุณยังสามารถเลือกใช้ฟอนต์ที่มีลูกเล่นต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจได้ แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ในส่วนที่เป็นบริเวณเนื้อหาหลัก ก็ยังคงจำเป็นต้องใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย มีการเว้นระยะเหมาะสม ไม่หวัดหรือมีขนาดเล็กจนเกินไป เพราะไม่ว่าเนื้อหาหรือข้อมูลของคุณจะดีแค่ไหน หากใช้ฟอนต์ที่อ่านยากจนเกินไป ความสนใจของผู้อ่านที่มีต่อเนื้อหาก็จะลดลงทันทีนั่นเองค่ะ
