Search Engine คืออะไร ดีต่อเว็บไซต์อย่างไร หากเราต้องการจะหาข้อมูลบางสิ่งบางอย่าง สมัยก่อนเราคงต้องเข้าห้องสมุด เพื่อค้นตำราหาข้อมูล แต่ในยุคปัจจุบัน การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถทำได้โดยง่าย เพียงแค่ปลายนิ้วเท่านั้น โดยใช้ช่องทางที่เรียกว่า<spanhref=”http://www.graphicbuffet.net/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3-seo-%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B9%84/”> Search Engine นั่นเอง
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว ว่า Search Engine คือโปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลที่มีการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต โดยจะครอบคลุมไปถึงในส่วนของ ข้อความ รูปภาพ คลิปวีดีโอ หรือภาพเคลื่อนไหว โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่าง ๆ แผนที่ การเดินทาง ข้อมูลบุคคล ข่าวต่าง ๆ เหล่านี้เป็นต้น โดย search engine ส่วนใหญ่นั้น จะใช้คำสำคัญ หรือ keyword ในการค้นหาข้อมูล จากนั้นจะประมวลผล และแสดงรายการผลลัพธ์ที่คาดว่าน่าจะอยู่ในขอบเขตที่ผู้ค้นหาต้องการขึ้นมา และทำการจดจำบันทึกประวัติการค้นหาเอาไว้ เพื่อคามสะดวกของผู้ค้นหาในครั้งต่อไป ดังนั้นหากเรามีเว็บไซต์ สินค้า บริการ ที่ต้องการประชาสัมพันธ์ การใช้ Search Engine ในการช่วยประชาสัมพันธ์นั้น ถือว่าค่อนข้างได้ผลดีเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนที่เราจะใช้งาน search engine เพื่อทำการประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของเรา ลองมาทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้นอีกสักนิดกันดีกว่า
Search Engine หรือเว็บไซต์ค้นหานั้น จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้คือ
Search Engine เป็นเว็บไซต์ที่มีเครื่องมือค้นหาแบบอัตโนมัติ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาเก็บไว้เป็นฐานข้อมูลของตนเอง เครื่องมือที่ว่านั่นก็คือ Search Robot จะคอยทำหน้าที่วิ่งเข้าไปอ่านข้อความต่าง ๆ จากหน้าเว็บไซต์ที่ปรากฏอยู่ในอินเตอร์เน็ต แล้วนำมาจัดลำดับการค้นหาเอาไว้เป็นฐานข้อมูลนั่นเอง เมื่อเราเข้าไปค้นหาข้อมูล ก็จะเป็นการเข้าไปค้นหาข้อมูลที่เว็บไซต์เหล่านี้เก็บและเรียบเรียงเอาไว้นั่นเอง ดังนั้นเพียงแค่เรามีเว็บไซต์ปรากฏอยู่บนอินเตอร์เน็ต ก็จะสามารถถูกค้นหาโดยเว็บไซต์ประเภทนี้ได้โดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น Google.com
Web Directory เป็นเว็บไซต์การค้นหา ที่มีการเพิ่มข้อมูลโดยมนุษย์ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ เป็นผู้ที่คอยเพิ่มข้อมูลเข้าไปในฐานข้อมูล ไม่มีตัว Search robot ในการค้นหาเพื่อจัดเก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติ ดังนั้นหากเราต้องการให้เว็บไซต์ของเราปรากฏอยู่ในฐานข้อมูล จำเป็นต้องทำการเพิ่มชื่อเข้าไปนั่นเอง ยกตัวอย่างเว็บไซต์ที่มีลักษณะแบบนี้ เช่น Yahoo.com
Meta Engine เป็นเว็บไซต์ที่จะเข้าไปค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ประเภท Search Engine อีกที ไม่ต้องใช้การประมวลผลมากนัก เนื่องจากเข้าไปค้นหาในข้อมูลที่ได้ทำการรวบรวมเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเว็บไซต์ประเภทนี้ เช่น Metacrawler .com
นอกจากจะทราบถึงหลักการทำงานของ Search Engine แบบต่าง ๆ แล้วนั้น เรายังมีเทคนิคดี ๆ ในการใช้คำค้นหา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นนำมาฝากกันด้วยค่ะ โดยปกติแล้ว เวลาเราต้องการค้นหาข้อมูลใด ๆ ก็เพียงแค่พิมพ์คำค้น ใส่ลงในช่องค้นหา แล้วก็กดค้นหาไป แต่หากข้อมูลที่เราต้องการค้นหา มีหลาย ๆ อย่างอยู่รวมกัน ขอแนะนำว่าคุณควรเพิ่มคำเชื่อมต่าง ๆ เหล่านี้ลงไปได้แก่
And คำนี้จะเป็นคำสั่งให้รวมคำที่คุณค้นหาเอาไว้ด้วยกัน เช่น Cat and Dog เว็บไซต์ค้นหาเหล่านี้ ก็จะไปค้นหาในหน้าเว็บไซต์ที่มีทั้งสองคำนี้ปรากฏอยู่ด้วยกันขึ้นมา สามารถใช้เครื่องหมาย “Cat Dog”, Cat + Dog หรือ Cat & Dog ในการค้นหาแทนก็ได้
Or เป็นคำสั่งที่ให้ค้นหาคำใดคำหนึ่ง หรือทั้งสองคำออกมาแสดงผลให้เรา สามารถพิมพ์คำที่ต้องการค้นหาลงไปได้เลย เช่น Cat Dog เป็นต้น
Not เป็นคำสั่งที่บอกให้เว็บไซต์ค้นหา ทำการตัดคำที่อยู่หลังคำว่า Not ออกไป เช่น Cat not Dog เว็บไซต์ก็จะทำการค้นหาเว็บไซต์ที่มีแต่คำว่า Cat โดยที่ไม่มีคำว่า Dog อยู่ด้วยนั่นเอง สามารถพิมพ์ Cat not Dog หรือ Cat – Dog ในการค้นหา
การนำคำสั่งต่าง ๆ เหล่านี้ มาช่วยในการสืบค้นข้อมูล ก็จะช่วยทำให้เราสามารถค้นหาข้อมูลที่ตรงกับความต้องการได้มากขึ้นนั่งเองค่ะ ลองนำความรู้และเทคนิคดี ๆ เหล่านี้ ไปลองปรับใช้กันดูนะคะ
เรียบเรียงโดย : Naviya